SONY CYBER-SHOT DSC - N 2 จอ LCD ใหญ่ขนาด 3.0 นิ้ว Touch screen เปลี่ยนเมนูกล้องด้วยนิ้วสัมผัส ความละเอียดสูง 10.1 Mega Pixels เลนส์ Carl Zeiss 38-114 มม ไวแสงสูง ISO 1600 MOVIE MPEG พร้อมเสียง ให้ Merory ขนาด 2 GB พร้อมกระเป๋า และ CHARGER

หน้าแรก » กล้อง และ อุปกรณ์ถ่ายภาพ » กล้องดิจิตอล

SONY CYBER-SHOT DSC - N 2 จอ LCD ใหญ่ขนาด 3.0 นิ้ว Touch screen เปลี่ยนเมนูกล้องด้วยนิ้วสัมผัส ความละเอียดสูง 10.1 Mega Pixels เลนส์ Carl Zeiss 38-114 มม ไวแสงสูง ISO 1600 MOVIE MPEG พร้อมเสียง ให้ Merory ขนาด 2 GB พร้อมกระเป๋า และ CHARGER

แบ่งปันให้เพื่อน

กล้อง SONY CYBERSHOT DSC N-2 กล้องที่จัดได้ว่ายอดนิยม จากค่าย SONY
ความละเอียด 10 ล้านพิเซล เหลือเฝือสำหรับการขยายภาพใหญ่ ๆ และด้วยลูกเล่นแบบจอสัมผัส
ใช้นิ้วแตะที่จอ เพื่อปรับเปลี่ยนเมนูการใช้งาน ขนาดจอใหญ่ 3.0 นิ้วให้มุมมองเต็มๆตา พร้อมด้วย

รายละเอียดการใช้งานคงไม่ต่าง กับตัว N 1 จะมีแตกต่างก็คงพิกเซล จาก 8 ล้านเป็น 10 ล้าน
กล้องตัว SONY N 2 ตัวนี้ สภาพสวย ใช้งานน้อย มีอุปกรณ์ ที่ชาร์ดให้พร้อม กระเป๋า
ไม่มีปัญหา ในการใช้งานแต่อยางใด มาลองการทำงานก่อนตัดสินใจซื้อได้

ลูกเล่นและการใช้งานดังนี้

DSC-N 2 ดูจะมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างไปจากกล้องคอมแพคทั่วไปเท่าไหร่ เพราะด้านหน้าก็เป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีเลนส์ซูมยื่นออกมาเหมือนกล้องดิจิตอลปกติ ขนาดก็ไม่ได้บางเฉียบอย่าง T-series แล้วก็ไม่ได้หนาอย่างกล้องสมัยก่อน แต่เมื่อมองมาทางด้านหลังจะพบความแตกต่าง

ของกล้องรุ่นนี้ได้อย่างดีที่สุด เพราะการใช้จอ LCD ขนาด 3.0 นิ้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกล้องคอมแพคดิจิตอลในขณะนี้ ทำให้มองภาพได้เต็มตา แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือการปรับควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ไม่ได้ใช้ปุ่มกดบนตัวกล้องอีกต่อไปแล้ว แต่ใช้การสัมผัสที่หน้าจอมอนิเตอร์ได้ทันที คล้ายการปรับตั้งฟังก์ชั่นในกล้องวีดีโอแคมคอเดอร์ยังไงยังงั้น ซึ่งคุณแทบจะไม่พบปุ่มใดๆบน

ตัวกล้องเลยนอกจากปุ่มเมนู, ปุ่มดิสเพลย์ และปุ่มซูมภาพ เมื่อกดเข้าฟังก์ชั่นเมนูโหมดแล้ว สิ่งที่พบเห็นบนจอมอนิเตอร์จะทำให้คุณหลงใหลไปกับ N1 อย่างแน่นอน เพราะการปรับเข้าฟังก์ชั่นที่แปลกใหม่นี้นี่เอง นอกจากนี้ยังออกแบบด้านหลังกล้องให้เป็นสีดำล้อมรอบจอมอนิเตอร์ ให้ความรู้สึกเหมือนอุปกรณ์ดูภาพแบบพกพาที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ ซึ่งจะทำให้คุณสร้างสรรค์ภาพสไลด์โชว์ในแบบของคุณได้เอง เอาไว้อวดใครๆที่ได้พบเห็นให้อิจฉาเล่นอีกด้วย

เมื่อมองถึงฟังก์ชั่นด้านดิจิตอล ก็ไม่ได้น้อยหน้าหรือยิ่งหย่อนไปกว่ากล้องดิจิตอลรุ่นไหนๆ เพราะ N1 ใช้เซนเซอร์ภาพที่มีความละเอียดแสดงผลสูงสุดมากถึง 10.1 ล้านพิกเซล โดยใช้เซนเซอร์ภาพแบบ Super HAD CCD ขนาด 1/1.8 นิ้ว ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ภาพคุณภาพสูงที่พัฒนาโดยโซนี้ ให้ขนาด

ภาพสูงุดถึง 3264X2448 พิกเซล ทำให้คุณสามารถนำไฟล์ที่ได้ไปปริ้นท์ภาพที่มีคุณภาพดีเยี่ยมได้ถึงขนาด A3 อย่างสบายๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกขนาดภาพลงมาได้อีก 6 ขนาด คือ 3264X2176 (3:2), 1592X1958(5MP), 2048X1536 (3 mp), 1920X1080(HD7) 1280X960 v]t 640X480 พิกเซลตามลำดับ โดยคุณสามารถใช้ความไวแสงในการถ่ายภาพไกว้างตั้งแต่ ISO 64 ไปจนถึง ISO 800 เลยทีเดียว

หน่วยความจำภายในมีมาให้มากถึง 58 โดยใช้สำหรับการบันทึกภาพ 26 MB ส่วนอีก 26 MB ใช้สำหรับการเก็บภาพใน Photo Album และอีก 6 สำหรับลูกเล่นของเพลงบนสไลด์โชว์ ส่วนเมมโมรี่การ์ดที่ใช้เป็นแบบ Memorystick duo หรือ Memorystick ที่ให้ความจุได้มากที่สุดถึง 2 GB

ในปัจจุบัน การทำงานของกล้องสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลผลภาพ R-Imaging Processor ที่ทำให้ภาพถ่ายที่สวยงามสีสันเที่ยงตรงเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังกินไฟน้อย จะถ่ายภาพได้มากถึง 300 ภาพต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ในโหมดถ่ายภาพ

เคลื่อนไหว วีดีโอคลิป ยังสามารถถ่ายวีดีโอคุณภาพสูงด้วยโหมด MPEG Movie VX Fine Mode ซึ่งจะให้ขนาด 640X480 พิกเซล ที่ความเร็ว 30 เฟรม/วินาทีจนกว่าการ์ดจะเต็ม หากใช้เมมโมรี่การ์ดความเร็วขนาด 1 GB จะถ่ายได้ต่อเนื่องนาน 12 นาทีเลยทีเดียว


การออกแบบ : อย่างที่เกริ่นมาแล้วว่า DSC-N 2 ได้ออกแบบกล้องให้เป็นกล้องดิจิตอลที่ทำงานได้เหมือนอัลบั้มภาพแบบพกพา การออกแบบจึงดูเรียบง่ายทันสมัย โดยเน้นรูปแบบที่น่าสนใจอยู่ทางด้านหลังกล้องเป็นหลัก ส่วนด้านหน้านั้นก็ได้ออกแบบให้กล้องมีความเรียบง่ายเช่นกัน จะเห็นได้

จากการวางเลนส์เอาไว้ทางด้านซ้ายของตัวกล้อง แล้วปล่อยให้ด้านขวานั้นโล่งๆเรียบๆไปเลย จะมีเพียงตัวอักษรสกรีนสีเทาลงบนตัวกล้องว่า Cyber-short และตัวอักษรสลักด้วยโลหะนูน บ่งบอกว่าให้ความละเอียด 10.1 เมกกะพิกเซลอยู่บนพื้นผิวเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ N 2 หรูหรามากๆก็คือ วัสดุที่นำมา

ใช้เป็นฝาครอบตัวกล้องทางด้านหน้าทั้งหมด ทำมาจากโลหะที่มีความหนามากเป็นพิเศษ และขัดผิวให้มีลวดลาย เงางามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อจับสัมผัสแล้วรู้สึกถึงความหรูหราน่าใช้งานมากเลยทีเดียว ส่วนทางด้านซ้ายของกล้องทำพื้นที่เป็นวงกลมขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ด้านซ้าย

โดยออกแบบให้เป็นวงแหวนสีเงินเช่นเดียวกับตัวกล้อง ซึ่งบนวงแหวนนี้โซนี่ทำการเซาะร่องเพื่อบ่งบอกความพิเศษของเลนส์ที่ใช้ ว่าเป็นเลนส์คุณภาพสูงของ Carl Zeiss อันมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพความคมชัดเป็นที่ยอมรับมานาน เลนส์ออฟติคอลซูมขนาด 3X แบบ Vario-Tessar ขนาด 7.9-23.7 มม. f/2.8-5.4 ซึ่งเทียบกับเท่าเลนส์ 38-114 มม. ในฟอร์แมต 35 มม. และมีระบบ

ดิจิตอลซูมอีก 2 เท่า เมื่อเปิดสวิทช์การทำงานกระบอกเลนส์จะยื่นออกมาทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วและพร้อมถ่ายภาพในทันที โดยกระบอกเลนส์จะยื่นออกมาเป็น 2 ท่อนยาวประมาณ 2.4 ซม. และจะยืดหรือหดอยู่ในกระบอกเลนส์ส่วนหน้าเท่านั้นเมื่อซูมภาพเข้าและออก โดยวัสดุที่ใช้เป็นโลหะเช่นเดียวกัน

เหนือเลนส์ซูมขึ้นไปจะมีช่องหน้าต่างขนาดเล็ก เป็นแสงไฟช่วยหาโฟกัสในที่มืดสีส้มทำงานในระยะไกล โดยจะทำงานอัตโนมัติเมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อย หรือเมื่ออยู่ในระบบหน่วงเวลาถ่ายภาพตนเองก็จะใช้เป็นสัญลักษณ์กะพริบเตือนระยะเวลาด้วย ถัดขึ้นไปเป็นแฟลชแบบ Built-in ขนาดเล็กแนว

ยาวไปตามตัวกล้องทางด้านบน ซึ่งการออกแบบให้แฟลชฝังในตัวกล้องแบบนี้จะไม่ทำให้เปลืองเนื้อที่ในการออกแบบแถมยังทำให้ตัวกล้องดูเรียบหรูได้อีกด้วย แฟลช Built-in นี้ทำงานอัตโนมัติในสภาพแสงน้อย พร้อมระบบแฟลชแก้ตาแดง, เปิด/ปิดแฟลช และสัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ระยะทำงานจบของแฟลชอยู่ที่ 0.2-5 เมตร ที่ช่วงซูมมุมกว้าง และ 0.34-2.6 เมตรที่ช่วงซูมเทเลโฟโต้ เมื่อตั้งความไวแสงอัตโนมัติ

เมื่อมองจากด้านบนจะเห็นว่ากล้องไม่ได้บางเท่าใดนัก โดยตัวกล้องมีความหนา 24 มม. ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป โดยออกแบบให้ปุ่มชัตเตอร์อยู่ทางด้านขวาในตำแหน่งที่ใช้นิ้วชี้มือขวากดได้สะดวก ส่วนความเร็วในการทำงานของชัตเตอร์หรือ Time lag นั้น N1 ทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยเวลาที่สั้นเพียง 9 milli seconds ซึ่งจะไม่ทำให้คุณพลาดภาพเหตุการณ์ต่างๆ ถัดมาเป็นปุ่มสวิทช์

เปิดปิดการทำงานของตัวกล้อง ใช้การกดค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีเพื่อเปิดหรือปิดระบบการทำงาน โดยเมื่อเปิดสวิทช์จะมีสัญลักษณ์ไฟ LED สีเขียวติดสว่างขึ้นล้อมรอบปุ่มนี้ ช่วยให้มองเห็นได้ในที่มืดเมื่อต้องการปิดกล้อง ซึ่งปุ่มกดนี้อยู่ลึกลงไปจากผิวกล้องเล็กน้อยเพื่อป้องกันการกดเปิดโดยไม่ตั้งใจ ถัดมาด้านซ้ายเป็นช่องไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงเมื่อถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบวีดีโอคลิป

มาทางด้านหลังตัวกล้อง จะเห็นความตากต่างจากกล้องดิจิตอลทั่วไป ด้วยการใช้วัสดุพลาสติกสีดำเงาวาววาม ซึ่งเป็นความจงใจในการออกแบบ เพราะจะช่วยในการขับภาพให้โดดเด่นขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยมเพราะไม่มีขอบของจอมอนิเตอร์มารบกวนสายตา โดยจอ LCD แบบ TFT ขนาด 3.0 นิ้วนี้

ให้ความคมชัดและสีสันในขั้นดีเยี่ยมเลยทีเดียว ความละเอียดของอยู่ที่ 230,400 พิกเซล ที่น่าประทับใจมากคือกินกำลังไฟน้อยมากอีกด้วย ตัวกล้องไม่มีช่องมองภาพแบบออฟติคอลมาให้ ผู้ใช้จึงต้องเล็งภาพจากจอ LCD แต่เพียงอย่างเดียว

ทางด้านขวาของจอ LCD มีปุ่มควบคุมการทำงานเพียง 2 ปุ่มเท่านั้น โดยมีปุ่มกดซูมภาพอยู่ทางด้านบนสุดในตำแหน่งที่กดใช้ได้สะดวก และเมื่ออยู่ในโหมด Playback จะใช้เป็นปุ่มซูมภาพและเลือกดูภาพแบบหลายภาพ (6 หรือ 12 ภาพ) ได้ด้วย ถัดลงมาเป็นสวิทช์เลือกโหมดบันทึกภาพแบบคาน

เลื่อน แบ่งเป็น 3 โหมดใหญ่คือ โหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบวีดีโอคลิป, โหมดถ่ายภาพนิ่ง, และโหมดเล่นภาพ ส่วนปุ่มที่อยู่ล่างสุด 2 ปุ่ม เป็นปุ่มเมนูสำหรับปรับตั้งระบบต่างๆของตัวกล้อง และปุ่ม Display สำหรับการเลือกแสดงข้อมูลต่างๆบนจอมอนิเตอร์ เช่น การเลือกแสดงข้อมูลการถ่ายภาพ, กราฟฮิสโตแกรม หรือไม่แสดงข้อมูลใดๆ ซึ่งเมื่อเปิดสวิทช์การทำงาน ของตัวกล้องจะมีสัญลักษณ์ไฟ LED ติดสว่างอยู่ข้างๆปุ่มทั้ง 2 อย่างสวยงาม

การแสดงข้อมูลและการปรับตั้งฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆทั้งหมดของ N 2 จะอยู่ในโหมดเมนู แล้วฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพที่ใช้งานบ่อยๆจะปรากฏขึ้นมา เริ่มจาก โหมดบันทึกภาพ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดบันทึกภาพได้อย่างหลากหลายจาก Auto, Program, แมนนวล และโหมดรูปภาพอีก 8 แบบ(โหมดถ่ายภาพกลางคืน, ถ่ายภาพบุคคลเวลากลางคืน, ถ่ายภาพใต้แสงเทียน, Soft snap

สำหรับถ่ายภาพบุคคลหรือดอกไม้ที่ต้องการความนุ่มนวล, โหมดถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ , ถ่ายภาพชายหาด, ถ่ายภาพหิมะ และโหมดถ่ายภาพพลุดอกไม้ไฟ) โดยเฉพาะในโหมดแมนนวลนั้น นับเป็นโหมดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ในกล้องดิจิตอลแบบคอมแพคนี้ได้เลย เพราะผู้ใช้งานสามารถเลือกความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้เอง โดยเลือกขนาดของรูรับแสงได้ 3 ค่าจาก f/2.8, f/4 และ f/8 ส่วนความเร็วชัตเตอร์นั้น สามารถเลือกได้จาก 30 วินาที ถึง 1/1000 วินาทีเลยทีเดียว

ถัดมาในฟังก์ชั่นเมนูเป็นโหมดชดเชยแสง ที่สามารถชดเชยได้ 2 สตอป, โหมดโฟกัส ซึ่งเลือกการโฟกัสได้ 4 รูปแบบ คือ แบบหลายจุดกระจายทั่วทั้งภาพ, แบบเฉพาะกลางภาพ, โดยเน้นพื้นที่บริเวณกลางภาพเป็นหลัก, แบบเฉพาะจุด ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการได้เองด้วยการจิ้มบนจอ LCD ภายในกรอบที่แสดงอยู่ และสุดท้ายคือแบบเลือกระยะโฟกัสที่ต้องการได้ล่วงหน้าจา

อินฟินิตี้, 7.0, 3.0 1.0 และ0.5 เมตร ถัดมาเป็นการเลือกโหมดแฟลช ที่มีให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ, เปิด/ปิดแฟลช และสัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ถัดมาเป็นระบบหน่วงเวลาถ่ายภาพ, โหมดเปิดปิดระบบถ่ายภาพมาโคร และเลือกขนาดภาพที่ต้องการ ซึ่งหากต้องการเข้าสู่การปรับตั้งที่มากกว่านี้ ต้องกดปุ่ม MENU ที่ปรากฏบนหน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้งหนึ่ง

โดยการเข้าสู่ฟังก์ชั่นต่อไปนี้ จะเป็นฟังก์ชั่นที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยนั่นเอง เริ่มจากเลือกระบบวัดแสง (เฉลี่ยหลายส่วน/เฉลี่ยกลางภาพ/เฉพาะจุด) ระบบไวท์บาลานส์(อัตโนมัติ, แสงอาทิตย์, มีเมฆมาก, ฟลูออเรสเซนต์, แสงทังสเตน และแสงแฟลช) ตั้งความไวแสง (เลือกความไวแสงได้จากอัตโนมัติ และเลือกเองจาก ISO 64-800) เลือกระดับคุณภาพ (ได้ 2 แบบคือ Fine และ

Standard) ระบบเลื่อนภาพ(มีให้เลือก 4 แบบ คือแบบทีละภาพ, ต่อเนื่อง 0.9 เฟรม/วินาที, ถ่ายภาพคร่อม,และต่อเนื่องความเร็วสูง 16 ภาพ) ต่อมาเป็นโฟโต้เอฟเฟ็ค (เลือกภาพแบบปกติ, ขาวดำ และซีเปีย) ถัดมาเลือกปรับตั้งความอิ่มตัวของสี, คอนทราสต์ และความคมชัดของภาพ สุดท้ายเป็น Set-up Menu ที่ใช้ปรับตั้งระบบการทำงานของตัวกล้อง

ในเซ็ทอัพเมนูนี้ แบ่งการปรับตั้งเป็น 8 ส่วนใหญ่ๆด้วยกัน เริ่มจาก Camera 1> ใช้ปรับตั้งระบบออโต้โฟกัสภาพแบบทีละภาพหรือต่อเนื่อง, เปิดปิดดิจิตอลซูม, บันทึกวันที่และเวลาลงบนภาพ, เปิดปิดระบบแฟลชแก้ตาแดง ต่อมาเป็น Camera 2> ใช้เปิดปิดแสงไฟช่วยหาโฟกัส และโหมดออโต้

รีวิวภาพเมื่อกดชัตเตอร์ ต่อมาเป็น Memory Stick> ใช้สำหรับจัดการข้อมูลบนเมมโมรี่การ์ด เช่น ฟอร์แมตการ์ด, เลือกหรือสร้างโฟลเดอร์ที่จะบันทึก และก็อปปี้ภาพจากอัลบั้มภาพ หรือจากหน่วยความจำภายในสู่เมมโมรี่การ์ด ถัดมาเป็น Album> ใช้จัดการไฟล์ในอัลบั้มภาพ เช่น เปิดปิดการบันทึกภาพลงอัลบั้มอัตโนมัติ, ฟอร์แมตอัลบั้ม และเช็คอัลบั้มภาพ

ต่อมาเป็น Set-up 1> ใช้สำหรับดาวน์โหลดเพลงลงสู่ตัวกล้องและฟอร์แมตเพลงเพื่อลบข้อมูลทุกอย่างออก ต่อมา Set-up 2> เปิดปิด LCD Backlight สำหรับเพิ่มความสว่างหน้าจอเมื่อต้องดูภาพกลางแจ้ง, เปิดปิดเสียงปุ่มกดหรือเสียงกดชัตเตอร์, เลือกภาษา และ Initialize สำหรับรีเซ

ทการปรับตั้งให้กลับสู่ค่าปกติจากโรงงาน Set-up 3> ตั้งนับจำนวนภาพแบบต่อเนื่องหรือรีเซททุกครั้ง, ตั้งค่าการเชื่อมต่อ USB, โหมดวีดีโอเอาท์ และตั้งเวลาวันที่ สุดท้าย Set-up 4> เป็นการตั้งค่าคาริเบรตกล้องและตั้งค่าการใช้เฮ้าซิ่งสำหรับถ่ายภาพใต้น้ำ โดยการปรับตั้งทั้งหมดใช้การกดเลือก

แบบสัมผัสที่หน้าจอ ด้วยตัวเขียนที่แถมมาให้ ซึ่งจะไม่เป็นการสร้างริ้วรอยหรือคราบมันต่างๆให้กับหน้าจอ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นก็สามารถใช้นิ้วกดเลือกได้ทันทีเช่นกัน แต่ต้องระวังส่วนที่มีคมอย่างเช่นเล็บ ที่อาจจะทำให้หน้าจอเป็นรอยได้

ส่วนในโหมดเล่นดูภาพ (Playback) เมื่อกดเข้าเมนะสามารถปรับตั้งฟังก์ชั่นได้ดังนี้ เริ่มจากการจัดการอัลบั้มภาพ โดยภาพที่ถ่ายจะถูกบันทึกเอาไว้ในอัลบั้มด้วย ผู้ใช้สามารถเลือกดูภาพแบบเลือกจากวันที่ถ่ายได้ทันที หรือเลือกเล่นสไลด์โชว์ตามวันที่ที่ถ่ายภาพก็ได้ ต่อมาเป็นการตั้งค่า

สไลด์โชว์ ที่ผู้ใช้สามารถตั้งเอฟเฟ็คของการเลื่อนภาพได้มากถึง 5 รูปแบบ ตามแต่การพรีเซนต์ภาพที่ต้องการ รวมถึงเลือกเพลงที่บรรจุเอาไว้ได้ถุง 4 แบบ หรือปิดเพลงไปเลยก็ได้ สุดท้ายคือการเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการให้เล่นภาพสไลด์โชว์ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งภาพได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเขียนตัวอักษรหรือข้อความลงบนรูปภาพได้ทันทีอีกด้วย รวมถึงการลดขนาดภาพ, หมุนภาพ, ตัดภาพหรือสั่งพริ้นภาพก็ทำได้เช่นเดียวกัน

ด้านขวาของกล้องเป็นฝาปิดช่องบรรจุแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยม ซึ่งไม่ได้เป็นแบบอินโฟลิเธี่ยมเหมือนกล้องในตระกูล T-series แต่แบตเตอรี่ลิเธียมที่ใช้ใน N 2 ก็ให้กำลังไฟได้ยาวนานเช่นเดียวกัน โดยจะถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากถึง 300 ภาพต่อการชาร์ตไฟเต็มหนึ่งครั้ง หรือเปิดดูภาพและสไลด์โชว์ได้ยาวนานถึง 290 นาทีเลยทีเดียว ภายในช่องเดียวกันเป็นช่องบรรจุเมมโมรี่การ์ดแบบ

Memorystick Duo ที่เพิ่มความจุได้มากที่สุดถึง 4 GB ด้านขวาของตัวกล้องมีช่องลำโพงสำหรับเปิดฟังเสียงเมื่อเล่นภาพแบบสไลด์โชว์พร้อมเสียงเพลง รวมทั้งโหมดวีดีโอคริปด้วย ด้านล่างของกล้องมีช่องเชื่อมต่อแบบ Multi Function โดยสามารถเชื่อต่อได้ทั้งคอมพิวเตอร์, ชาร์จพลังลานแบตเตอรี่ และ A/V Out ได้ในช่องเดียวกัน ถัดมาเป็นสกรูสำหรับติดตั้งบนขาตั้งกล้อง

ผลการใช้งาน : เมื่อได้เห็นภาพตัวกล้องครั้งแรกจากอินเตอร์เนตก็ต้องแปลกใจกับรูปแบบทางด้สนหลังตัวกล้องเป็นอย่างมาก เนื่องจากออกแบบได้คล้ายกับอุปกรณ์สำหรับดูภาพยี่ห้องหนึ่งเป็นอย่างมาก และที่น่าสนใจขึ้นอีกก็คือ การปรับควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ ซึ่งอาจไม่

ใช่เรื่องแปลกของกล้องวีดีโอแคมคอเดอร์ แต่กับกล้องคอมแพคดิจิตอลนี่สิครับถือเป็นเรื่องใหม่เอามากๆ รูปร่างหน้าตาทางด้านหน้าอาจดูไม่แตกต่างจากกล้องทั่วไปซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากสำหรับ DSC-N 2 ก็คือวัสดุที่นำมาใช้เป็นโลหะแทบทั้งนั้น ดูสวยงามและให้ความแข็งแรงดี

เยี่ยม รวมทั้งฝาครอบด้านหลังเกือบทั้งหมด ถึงแม้วัสดุบริเวณตรงกลางของตัวกล้องจะเป็นพลาสติกบ้างก็แทบจะมองไม่เห็นหากไม่สังเกต ส่วนด้านหลังของกล้องทั้งหมดถูกครอบลงไปด้วยพลาสติกมันวาวสีดำ ซึ่งทำให้ไม่รำคาญสายตาเมื่อต้องดูภาพเป็นเวลานานผ่านสไลด์โชว์ นับเป็นการออกแบบที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก การเก็บงานการผลิตอยู่ในขั้นดีเยี่ยมตามมาตรฐานของโซนี่

โดยรวมแล้วด้านรูปร่างภายนอกนั้นสวยงามและน่าใช้งานเป็นอย่างมาก การจับถืออาจจะลื่นไปนิดเพราะด้านหน้าเป็นโลหะเรียบทั้งหมด ไม่มีส่วนใดเว้าหรือโค้งให้ได้จับได้เลย ซึ่งผู้ใช้ต้องให้ระมัดระวังในการจับถือถ่ายภาพเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ดีควารมีสายคล้องมือเอาไว้ตลอดเวลาครับ

การตอบสนองระบบการทำงานต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก แม้ว่าในรุ่นนี้โซนี่จะใช้กระบอกเลนส์ที่ยื่นออกมานอกกล้องเป็น 2 ชั้น แต่เมื่อกดปุ่มเปิดสวิทช์ กระบอกเลนซ์จะยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว และพร้องที่จะถ่ายภาพทันทีด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ต้องมาสตาร์ทอัพให้เสียเวลา ระบบ

ชัตเตอร์มีช่วงเวลา Time lag ที่มีเพียง 9 Milliseconds เท่านั้น นับว่ารวดเร็วมากๆเมื่อเทียบกับกล้องคอมแพคดิจิตอลทั่วไป ส่วนการบันทึกภาพก็สามารถทำได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยในระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง 0.9 เฟรม/วินาทีนี้ เมื่อชัตเตอร์ค้างเอาไว้จะถ่ายภาพได้ติดต่อกัน 4 ภาพ และรออีกประมาณ 6 วินาทีจึงถ่ายภาพต่อไปได้ (ทดสอบกับการ์ด Memorystick Proขนาด 1 GB) ส่วน

การพรีวิวภาพนั้นสามารถทำได้ทันทีและแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งซูมขยายภาพก็ทำได้ทันทีอีกด้วย การแสดงภาพผ่านจอ LCD ขนาด 3 นิ้วนั้นให้ภาพใหญ่ได้เต็มตาดีมากๆ โดยปกติผมเคยชินกับจอมอนิเตอร์ขนาด2.5 นิ้วที่ใหญ่อยู่แล้ว แต่เมื่อมองภาพผ่านจอขนาด 3 นิ้วนี้แล้ว กลับรู้สึกว่า

มองเห็นภาพได้ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว ความคมชัดของจอรุ่นนี้ทำได้ดีเยี่ยม ภาพมีความสดใสเป็นอย่างมาก โดยรวมแล้วในด้านการดูภาพจากจอมอนิเตอร์ของ N 2 นี้ทำได้ดีเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย และอีกฟังก์ชั่นหนึ่งของการดูภาพที่น่าสนใจคือ การเลื่อนภาพแบบการใช้นิ้วสัมผัส เมื่อ

อยู่ในโหมด Playback ให้กดปุ่มเมนู (สัญลักษณ์นิ้วชี้บนตัวกล้อง) จะปรากฏแถบสีดำพร้อมคำสั่ง Back และ Next เพียงแค่วางนิ้วบนแถบคำสั่งเท่านั้น ภาพจะเลื่อนไปเรื่อยๆและหยุดทันทีที่ยกนิ้วออก ซึ่งหากต้องการดูภาพใหญ่ๆแบบสบายตา แนะนำให้ปิดการแสดงข้อมูลบนจอมอนิเตอร์จะดูภาพได้อย่างสะใจเลยทีเดียว

นอกจากนี้ฟังก์ชั่นสำหรับดูภาพแบบสไลด์โชว์ ยังมีลูกเล่นในการใช้งานได้อย่างสนุกสนานมากๆ โดยมีรูปแบบการเลื่อนภาพให้เลือกใช้งานได้ถึง 4 แบบ ทั้งแบบปกติที่เลื่อนแบบทีละภาพช็อตต่อช็อต หรือเลื่อนแบบภาพขาวดำ และแบบอื่นๆที่มีลูกเล่นแพรวพราว รวมถึงใส่เพลงที่ต้องการได้โดยดาวน์โหลดจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้คุณสร้างสไลด์โชว์ส่วนตัวเพื่อนำไปอวดเพื่อนๆได้อย่างง่ายดาย นับเป็นฟังก์ชั่นที่น่าประทับใจมากๆฟังก์ชั่นหนึ่งเลยทีเดียว

มาพูดถึงคุณภาพของภาพถ่ายกันบ้าง ภาพที่จาก DSC-N 2 นี้ให้คุณภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ที่ความไวแสงต่ำสุด ISO 64 หรือ ISO 100 กับสภาพแสงแดดจัด รวมไปถึงสภาพแสงในที่ร่มหรือในอาคารที่มีแสงสว่างมากๆ ภาพที่ได้มีสีสันสดใสจัดจ้าน ความคมชัดดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยคุณภาพที่ได้สามารถนำไปอัดขยายเป็นภาพขนาด A3 หรือ 16X20 นิ้วได้อย่างสบายๆ (เมื่อถ่ายที่คุณภาพ

สูงสุด 8 MP/Fine) ส่วนที่ ISO 200 จะเริ่มประกฎ Noise ให้เห็นบ้างในการถ่ายภาพแบบปกติ คุณภาพที่ได้ยังคงคุณภาพดีอยู่ ที่ ISO 400 จะปรากฏ Noise ให้เห็นชัดเจนทั้งในสภาพแสงปกติและในสภาพแสงน้อย แต่ก็ยังได้คุณภาพที่ยอมรับได้อู่ ส่วนที่ ISO 800 นั้น Noise มีชัดเจนและ

มากพอสมควรในทุกๆส่วนของภาพ ความคมชัดลดลงไปพอสมควรกับสภาพแสงปกติ ส่วนในสภาพแสงน้อยนั้นความคมชัดและสีสันลดลงไปมากเลยทีเดียว ซึ่งแนะนำให้ใช้ความไวแสงสูงสุดนี้ในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น

คุณภาพของเลนส์ออฟติคอลซูมคาร์ลไซซ์รุ่นนี้ ให้ผลใกล้เคียงกับผลที่ได้จากเลนส์ที่ใช้ในตระกูล T-series เป็นอย่างมาก เพียงแต่กระบอกเลนส์จะยื่นออกมาข้างนอกไม่ได้ยืดหดอยู่ในตัว ถึงแม้จะมีทางยาวโฟกัสใกล้เคียงกันก็ตาม ภาพที่ได้จากเลนส์รุ่นนี้มีความคมชัดดีมาก สีสันสดใสและจัด

จ้าน กับสภาพแสงแดดจัดคุณภาพตรงกลางภาพทำได้โดดเด่นเลยทีเดียว ส่วนที่ขอบภาพมีคุณภาพลดลงเล็กน้อย ดิสเทอร์ชั่นของเลนส์เป็นแบบโค้งออกแต่ก็ไม่มากนัก อยู่ในขั้นมาตรฐาน

ความแม่นยำของระบบไวท์บาลานส์ จากการถ่ายภาพในสภาพแสงทั่วไปโดยตั้งแบบอัตโนมัติ สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ สีสันเที่ยงตรงเป็นอย่างมากเหมือนที่ตาเห็น และให้ผลดีกับทุกๆสภาพแสง นับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของกล้องโซนี่เลยทีเดียว ส่วนในสภาพแสงทังสเตน ภาพที่ได้ให้สีอมส้มแทบทุกภาพ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะให้อารมณ์เหมือนการถ่ายภาพด้วยฟิล์มนั่นเอง หากต้องการได้ค่าแสงที่ถูกต้อง แนะนำให้ปรับตั้งเองแบบแมนนวลไปที่ Incandescent

ระบบการทำงานอื่นๆของ N 2 ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ทั้งการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ทำได้อย่างรวดเร็ว หรือฟังก์ชั่นการทำงานบางอย่างที่ไม่น่าจะมีในกล้องแบบคอมแพค เช่น ระบบถ่ายภาพแบบแมนนวล ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้เอง เพราะในการถ่ายภาพบางสถานการณ์อย่างการถ่ายภาพในสตูดิโอ ก็สามารถถ่ายภาพโดการซิงค์แฟลชกับแฟลชสตูดิโอได้ทันที

ความคิดเห็น : Cyber-shot DSC-N 2 นับเป็นการเปิดรูปแบบการทำงานของกล้องดิจิตองให้กว้างมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเอาฟังก์ชั่นของการดูภาพและเล่นภาพแบบสไลด์โชว์ผ่านจอมอนิเตอร LCD ขนาด 3 นิ้ว มาเป็นจุดเด่นในการทำงานของตัวกล้อง นอกเหนือจากการถ่ายภาพปกติได้อย่างลงตัว

รวมถึงการปรับควบคุมตัวกล้องด้วยระบบสัมผัส ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานได้สนุกกับรูปแบบใหม่ๆ
ของกล้องดิจิตอล ซึ่งแรกๆอาจจะรู้สึกงงกับการปรับตั้งที่ดูว่าซับซ้อน แต่เมื่อใช้งานไปนานๆจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความสะดวกในการใช้งาน และมีลูกเล่นที่น่าสนใจอีกมากมายจนคุณแทบวางไม่ลงเลยทีเดียว




ราคา: 4,200 บาทต้องการ: ขาย
ติดต่อ: บรรพจน์อีเมล์: 
สภาพ: มือสอง จังหวัด: 
โทรศัพย์: 0849197193IP Address: 124.120.222.xx
มือถือ: -



ดูสินค้าอื่นๆ | ลงประกาศ | เลื่อนประกาศขึ้น | ลบประกาศ | แก้ไขประกาศ

[ รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน ทั่วประเทศ กู้เงินง่าย ได้เงินไว ไม่เช็คแบล็คลิส ]





ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)

รูป   รายละเอียด ราคา
  2,800 บาท
 
  7,500
  14,900
  4,000
  1,500
  ทุกราคา
  18,000 บาท
  250 บาท
  22,000
  7,500
  50 บาท
  14,500 บาท
  20,500
  190 บาท
  5,300 บาท
  30,000
  20,000 บาท
  10,000
  6,000 บาท